|

การลดปริมาณ CO2 ด้วยการนำ “น้ำมันเชื้อเพลิงที่สร้างจากวัสดุทางชีวภาพ” มาใช้ในธุรกิจการบิน

DHL ใช้ น้ำมันอากาศยานแบบยังยืน SAF

ธุรกิจการขนส่งทางอากาศเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสูง ซึ่งแน่นอนว่าผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่ง DHL ชื่อเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ให้บริการขนส่งทางอากาศและจำเป็นต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสูงโดยล่าสุดทาง DHL ได้ออกมาจับมือกับ bp และ Neste ในการนำน้ำมัน SAF หรือ Sustainable Aviation Fuel เข้ามาใช้ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศของโลก

การใช้พลังงานแบบ SAF (Sustainable Aviation Fuel ) ในสายการบินของ DHL

SAF หรือ Sustainable Aviation Fuel คือ น้ำมันเชื้อเพลิงที่สร้างจากวัสดุทางชีวภาพเพื่อการบินที่ยั่งยืน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออไซด์ตลอดวัฏจักรของเชื้อเพลิง ถือว่าเป็น น้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน

โดยในข้อตกลงของการนำน้ำมัน SAF มาใช้นั้น ทาง bp และ Neste จะเป็นผู้จัดหน้าน้ำมันให้กับ DHL มากกว่า 800 ล้านลิตรภายในห้าปีข้างหน้า

ดีเอชแอลคาดว่าความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้จะช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณสองล้านตัน ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากรถยนต์โดยสารประมาณ 400,000 คันต่อปี

ด้วยน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF กว่า 800 ล้านลิตร จะสามารถใช้งานกับเที่ยวบินของดีเอชแอล 1,000 เที่ยวต่อปีโดยประมาณ ในเส้นทางบินจากเมืองซินซินนาติ สหรัฐอเมริกา ไปยังเมืองไลพ์ซิก เยอรมนี ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777 บินได้ระยะเวลาประมาณ 12 ปี นับเป็นการใช้เชื้อเพลิง SAF 100% ซึ่งเทียบเท่ากับเที่ยวบินระยะไกล 12,000 เที่ยวบินที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ (Carbon Neutral Long-haul Flights)

มาร์ติน ทอมป์สัน รองประธานอาวุโส Air bp คาดหวังที่จะได้ทำงานร่วมกับสนามบินและสายการบินต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกของธุรกิจที่มีเป้าหมายในการใช้พลังงานที่ไม่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) รวมถึงส่งเสริมกระบวนการ SAF เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกให้ตระหนักถึงความสำคัญในการลดปริมาณคาร์บอนอีกด้วย

ทาง จอห์น เพียร์สัน ประธานกรรมการบริหารของ DHL Express ก็ประกาศว่าทาง DHL พร้อมให้ความร่วมมือสำหรับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ความร่วมมือ SAF กับ bp และ Neste นี้เป็นก้าวสำคัญของการสร้างความยั่งยืน ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่มีคำถามจากลูกค้าเกี่ยวกับโซลูชันการขนส่งที่ลดคาร์บอน โดยทาง DHL มุ่งหวังที่จะสร้างแรงผลักดันให้กับซัพพลายเออร์ที่ทำธุรกิจด้าน SAF เพื่อช่วยกันเติมเต็มความต้องการในปัจจุบัน รวมถึงเรียกร้องไปยังผู้กำหนดนโยบายให้กำหนดกรอบการทำงานที่เหมาะสมเพื่อเร่งการเติบโตของตลาด SAF ในสหภาพยุโรปและทั่วโลก รวมถึงกลไกด้านบัญชีที่อนุญาตให้ทำการซื้อขายและใช้งาน SAF ได้อย่างยืดหยุ่น

Similar Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published.