Plagiarism คืออะไร สงผลต่อการสร้างงานเขียนอย่างไร

Plagiarism คือการลอกเลียนเนื้อหาจากแหล่งข้อมูลอื่นเอามาใช้ซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ได้ให้เครดิตต้นฉบับ โดยสมัยนี้เกิดขึ้นกับบทความหรือคอนเทนต์บนเว็บไซต์ค่อนข้างเยอะ เรียกว่า Website Content Plagiarism
ซึ่งการลอกเลียนเนื้อหานั้นมีหลายแบบ บางครั้งก็ Copy-Paste กันมาตรงๆ บางครั้งก็เอามาดัดแปลงนิดหน่อยแต่ยังเป็นโครงเดิม บางครั้งก็เอาจาก 2-3 แหล่งข้อมูลมาผสมกัน แล้วเรียบเรียงใหม่ให้ดูเหมือนเป็นเนื้อหาของตัวเอง โดยที่ไม่ใส่ข้อมูลอ้างอิงต้นฉบับ เรียกว่า Mosaic Plagiarism
Plagiarism ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
- การเขียน Essay หรือรายงานส่งครู โดยไป Copy จากที่อื่นมา
- การคัดลอกเนื้อหามาใส่ใน Thesis หรือ Themiatic Paper ของตนเอง
- การเขียนบทความลงบนเว็บไซต์
- การเขียนข่าว
- การเขียนหนังสือ
สังเกตได้ว่าพฤติกรรมการลอกเลียนเนื้อหาเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเรียน เชื่อว่าหลายๆ คนก็เคยเจอประสบการณ์แบบนี้อยู่ นั่นหมายความว่า Plagiarism ถูกฝังรากลึกในสังคม ซึ่งเป็นอันตรายต่อการที่คนกลุ่มนี้จะเติบโตขึ้นมาทำงานในอนาคต
เพราะในการทำงาน โดยเฉพาะด้านงานเขียน ไม่ว่าจะเป็นบทความ ข่าว หนังสือ งานวิจัย จำเป็นต้องเขียนด้วยตัวเอง หรือหากไปอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลไหนก็ต้องให้เครดิต หรือใส่ Reference ให้ถูกต้องทุกครั้ง ซึ่งหากต้นฉบับพิสูจน์ได้ว่างานของคุณไปเอาเนื้อหาของเขามาแล้วไม่ให้เครดิต ก็มีโอกาสโดนฟ้องสูง
ความสำคัญของการหลีกเลี่ยง Plagiarism บนช่องทางออนไลน์
ถ้าเป็นสมัยก่อน คอนเทนต์จะอยู่ในรูปแบบกระดาษ หนังสือ การตรวจสอบ Plagiarism นั้นอาจจะยังลำบาก ยังไม่สามารถตรวขสอบได้แน่นอนและรวดเร็ว แต่ในยุคนี้คอนเทนต์ออนไลน์สามารถตรวจสอบ Plagiarism ได้รวดเร็วและแม่นยำในระดับหนึ่ง
ซึ่งในมุมของการทำธุรกิจที่ต้องการก้าวเข้าไปทำ Content Marketing การเขียนบทความที่สดใหม่นั้นสำคัญมาก และหากเกิด Plagiariam ในงานคอนเทนต์ อาจส่งผลกระทบดังนี้
- ความเป็นเอกลักษณ์และเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ: เนื้อหาที่มีความ Unique เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในพื้นที่ดิจิทัล การลอกเลียนเนื้อหานั้นไม่เพียงเสื่อมเสียชื่อเสียงของเว็บไซต์เท่านั้น ยังทำให้ผู้อ่าน ลูกค้า และ Search Engine อย่าง Google สูญเสียความเชื่อถือในเนื้อหาด้วย
- ผลกระทบทางกฎหมาย: การลอกเลียนเนื้อหาอาจเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่อาจเสี่ยงต่อปัญหาทางกฎหมาย โดยกฎหมายลิขสิทธิ์คือการปกป้องสิทธิในสิ่งที่สร้างขึ้นของผู้สร้างเนื้อหา และการใช้งานงานนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตอาจมีผลกระทบตามมา
- ผลกระทบต่อ SEO (Search Engine Optimization): เนื้อหาที่เข้าข่าย Plagiarism จะไม่ผ่านเกณฑ์ของเครื่องมือค้นหา เช่น Google ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของเนื้อหาที่มีประโยชน์และ Unique การตรวจพบเนื้อหาลอกเลียนอาจทำให้เว็บไซต์ถูกลดอันดับหรือถูกลบออกจากผลการค้นหาทั้งหมด ซึ่งไม่เฉพาะเว็บไซต์ แต่การทำ SEO YouTube ก็มีผลเหมือนกัน
- ปัญหาเนื้อหาที่ซ้ำซ้อน: หากมีหลายเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเหมือนกันหรือคล้ายกันมาก ๆ เครื่องมือค้นหาอาจมีความยากลำบากในการระบุแหล่งต้นฉบับ ซึ่งอาจส่งผลให้การนำข้อมูลไป Index และจัดอันดับเกิดปัญหา ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในเรื่อง SEO และการทำงานของเว็บไซต์โดยรวม
- ค่าใช้จ่ายที่ต้องชดใช้: สุดท้ายหากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ก็อาจต้องเตรียมค่าชดใช้ตามที่เจ้าของลิขสิทธิ์จะเรียก
เครื่องมือตรวจสอบ Plagirism ฟรี
ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ต้องคอยตรวจสอบว่าคอนเทนต์หรือเนื้อหานั้น ๆ ซ้ำกับที่อื่นหรือเปล่า เครื่องมือเหล่านี้อาจช่วยให้การทำงานง่ายและรวดเร็วขึ้น ถึงแม้ภาษาไทยอาจจะไม่สามารถตรวจสอบได้ 100% เหมือนภาษาอังกฤษ แต่ก็ถือว่าได้ในระดับที่โอเคเลย ซึ่งเครื่องมือที่เราเอามาแชร์สามารถลองเข้าไปใช้ได้ฟรี