|

Huawei รุกตลาด Emerging Markets หนักขึ้น หลังแนวโน้มตลาดตะวันตกยังดูมืดมัว

กลยุทธ์การตลาด HUAWEI​ โอกาสของ HUAWEI ในตลาดเกิดใหม่ Emerging Markets

Huawei Technology แบรนด์สินค้าไอทีชื่อดังจากประเทศจีนกำลังปรับกลยุทธ์การตลาดลงสนามเพื่อท้าทายกับกลุ่มลูกค้าตลาด Emerging Markets หรือ กลุ่มตลาดเกิดใหม่ เพื่อหวังฟื้นฟูธุรกิจ เพิ่มโอกาสในการขายของ Huawei ในต่างประเทศ ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นรายได้หลักของ Huawei ถึง 70% จากรายได้ทั้งหมด เหตุผลสำคัญมาจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทำให้มองแล้วแนวโน้มในตลาดตะวันตกยังดูมืดมัว

ทางสหรัฐฯ เองพยายามเรียกร้องให้หลายประเทศแบนการใช้งานผลิตภัณฑ์ Huawei จากเครือข่ายไร้สายรุ่นที่ 5 ซึ่งมีการอ้างในเรื่องความปลอดภัยต่อประเทศ อย่างไรก็ตาม Huawei เองยังคงมีบทบาทสำคัญในด้านอุปกรณ์โทรคมนาคมของกลุ่ม Emerging Markets ของตลาดแอฟริกาและตะวันออกกลาง

โอกาสของ Huawei ในตลาด Emerging Markets

ก่อนหน้านี้ตัวเลขยอดขายต่างประเทศของ Huawei อยู่ที่ 70% ทว่าตัวเลขนั้นกลับลดลงเหลือเพียง 34% ในช่วงปี 2020 แม้ Huawei เองให้ความสำคัญกับตลาดภายในประเทศมากขึ้นก็ตามแต่ดูเหมือนทางบริษัทเองยังคงพึ่งพาตลาดต่างประเทศสำหรับธุรกิจสมาร์ทโฟน รวมถึงการวางระบบโทรคมนาคม ส่งเสริม 5G ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ประเทศเซเนกัลได้เปิดศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ซึ่งใช้เงินลงทุนไปถึง 70 ล้านยูโร (ราว 2,695 ล้านบาท) จากคำอ้างของประธานาธิบดี Macky Sall ระบุว่า ข้อมูลของแต่ละพื้นที่ในแถบแอฟริกาตะวันตกจะถูกส่งไปยังศูนย์ดังกล่าว โดยศูนย์แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยเงินกู้จากรัฐบาลจีน และทาง Huawei จะดำเนินการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม

Huawei เองมองเห็นโอกาสสำคัญจากตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้ากลุ่มอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยปัจจัยสำคัญคือ สินค้าของ Huawei มีราคาถูกกว่าคู่แข่งในยุโรปประมาณ 20-30% เช่น Ericsson จากสวีเดน, Nokia จากฟินแลนด์ และยังมีฟังก์ชันล้ำหน้าเมื่อเทียบกับราคาที่ต้องจ่าย

กลยุทธ์ของทาง Huawei ตอนนี้พยายามพุ่งเป้าไปยังกลุ่ม Emerging Markets และกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนาเมื่อของตัวเองเป็น Smart City เป้าหมายของ Huawei คือการเข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้าง Smart City 700 เมือง ใน 40 ประเทศ

แนวโน้มการสร้างหนี้ที่เพิ่มขึ้นใน Emerging Markets

การรุกในตลาดเกิดใหม่ของ Huawei ดูทรงแล้วจะเป็นการตามสนับสนุนโครงการของรัฐบาลจีน One Belt One Road ซึ่งสิ่งที่น่าคิดคือกลุ่มประเทศเหล่านี้เริ่มแบกหนี้สินต่อรัฐบาลจีนมากขึ้น และบางประเทศเริ่มประสบปัญหาในการชำระหนี้

อีกเรื่องที่ Huawei ต้องระวังให้มากในการรุกตลาด Emerging Markets คือ กลุ่มประเทศเหล่านี้ต้องแบกรับหนี้สินที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมจากประเทศจีน ขณะที่บางประเทศประสบปัญหาในการชำระหนี้

ทางสหรัฐฯ และยุโรปเองก็พยายามชี้ให้เห็นด้านความพยายามของปักกิ่งที่จะให้กู้ยืมเงินภายใต้เงื่อนไข “debt-trap diplomacy” หรือเรียกกันว่า “การทูตกับดักหนี้” คือการปล่อยกู้โดยไม่ต้องดูว่าประเทศนั้นมีความสามารถในการชำระหนี้หรือเปล่า เช่น หากประเทศ A ทำดีลนี้กับประเทศ B แล้วประเทศ B ไม่สามารถชำระหนี้ได้ อำนาจต่อรองไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ หรือการเมือง ก็จะไปอยู่ที่ประเทศ A โดยประเทศ B จะต่อต้านแทบไม่ได้เลย

ซึ่งถ้ากลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่หรือ Emerging Markets เริ่มระวังเรื่องนี้ยิ่งขึ้น ก็มีโอกาสที่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อ Huawei เช่นกัน

บทสรุปในเรื่องนี้ดูท่าว่าจะต้องยืดเยื้ออีกพักใหญ่ๆ เพราะแม้กระแสการเปิดตลาด Emerging Markets ดูเหมือนไปได้สวย แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่ในระยะยาวหากกลุ่มประเทศเหล่านั้นได้รับข้อเสนอที่ดีจากฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ มากขึ้น จึงต้องติดตามกันต่อไปว่าทั้งภาครัฐในจีนและ Huawei จะจับมือร่วมกันไปทิศทางใดให้ตอบโจทย์ได้อย่างเสมอภาคในทุกฝ่าย

ที่มา: [nikkei]

Similar Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published.