|

เทรนด์การค้นหาด้วยเสียง (Voice Search) ที่ธุรกิจต้องปรับตัวตาม

วิธีที่ผู้บริโภคค้นหาข้อมูลบนช่องทางออนไลน์มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้งาน Search Engine ยิ่งในช่วงนี้ที่มีการใช้งานระบบ Assistant อย่าง Siri, Amazon Alexa และ Google Assistant เพิ่มขึ้น การค้นหาด้วยเสียงจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นของการตลาดดิจิทัล ในปี 2023 ซึ่งจากสถิติเห็นได้ชัดเจนว่าเทรนด์การค้นหาด้วยเสียง หรือ Voice Search นั้นเพิ่มขึ้น และธุรกิจจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้

การตลาดแบบค้นหา หรือ Search Marketing เป็นที่คุ้นเคยในกลุ่มคนทำธุรกิจอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา Google หรือเป็นการทำ SEO ซึ่งสามารถหาข้อมูลวิธีทำ SEO ได้จากเว็บไซต์และวิดีโอต่างๆ มากมาย แต่ในบทความนี้เราจะมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ Voice Search Optimization ซึ่งจะมีมุมมองและแนวคิดที่เพิ่มเติมจากการทำ SEO แบบดั้งเดิมเล็กน้อย พร้อมแล้วมาลองดูกัน

Voice Search Optimization คืออะไร

Voice Search Optimization คือการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาด้วยเสียง พูดง่ายๆ คือทำอย่างไรให้คนที่ค้นหาด้วยเสียงเจอเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งกระบวนการของมันก็คือการสร้างเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานบนมือถือ เพราะการค้นหาด้วยเสียงส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบนมือถือมากกว่า

โดยเนื้อหาบนเว็บไซต์ก็ต้องตอบโจทย์การค้นหาโดยใช้เสียงด้วยเช่นกัน เพราะ เวลาคนสั่งการด้วยเสียง ตัวชุดคำสั่ง หรือชุดคำค้นหาจะต่างกันกับการค้นหาโดยการพิมพ์โดยสิ้นเชิง เช่น ปกติเราอาจจะพิมพ์ว่า “ร้านอาหาร แจ้งวัฒนา” แต่หากใช้ Voice Search เราอาจพูดว่า “หาร้านอาหารแถวแจ้งวัฒนะรีวิวดี” เป็นต้น

ทำไม Voice Search Optimization จึงสำคัญในปีนี้

จำนวนผู้ใช้อุปกรณ์ที่สั่งงานด้วยเสียงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2566 เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นหันมาใช้การค้นหาด้วยเสียงแทนการค้นหาโดยการพิมพ์ ซึ่งผลลัพธ์จากการค้นหาที่เกิดขึ้นก็ค่อนข้างตอบโจทย์ อีกทั้งยังใช้งานง่ายโดยเฉพาะเวลาขับรถ หรือไม่สะดวกที่จะต้องมาพิมพ์

ธุรกิจที่เน้นเรื่องการตลาดบน Google หรือ Search Marketing ไม่ว่าจะเป็น Google Ads หรือ SEO จำเป็นที่จะต้องเข้าใจพฤติกรรมของผู้ที่เข้ามาค้นหา เพื่อให้แบรนด์หรือสินค้ายังถูกค้นหาเจอบน Google

วิธีการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้ตอบสนองการค้นหาด้วยเสียง (Voice Search)

  • ใช้ภาษาเขียนที่เป็นธรรมชาติ เพราะการค้นหาด้วยเสียงนั้นจะออกมาเป็นประโยคที่เป็นธรรมชาติมากกว่าการพิมพ์
  • เน้นการใช้ Keyword ที่เป็นคำพูดหรือคำถาม แทนการใช้ Keyword สั้นๆ
  • ตรวจสอบว่าเว็บไซต์รองรับการใช้งานบนมือถือแล้ว รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ด้วย เช่น Tablet
  • สร้างตัวต้นของธุรกิจให้ชัดเจน ซึ่งอันนี้ถือเป็นหลักเบสิกในการทำ SEO เลยก็ว่าได้ เช่น การใส่ชื่อบริษัท ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อในทุกหน้าที่จำเป็นบนเว็บไซต์
  • ใช้​ Structured Data เข้ามาช่วยในการทำ SEO เพื่อให้ Google เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น เช่น ในส่วนนี้คือเนื้อหา ในส่วนนี้คือ FAQ ในส่วนนี้คือรีวิว เป็นต้น

Similar Posts

Leave a Reply

Your email address will not be published.