8 กระดานเทรดคริปโตยอดนิยม นอกจาก Binance และ Bitkub
สำหรับคนไทยเมื่อพูดถึง กระดานเทรดคริปโต มักนึกถึง Binance กับ Bitkub ซึ่งถือเป็นกระดานเทรดคริปโตที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆ ใประเทศไทยด้วย Trade Volume ที่สูง แต่จริงๆ แล้วมีอีกหลาย กระดานเทรดคริปโตระดับโลก ที่เป็นที่นิยมในหลายประเทศ ซึ่งแต่ละกระดานก็จะมีจุดแข็งที่แตกต่างกันไป
วันนี้ ThaiSharp จึงเลือก 8 กระดานเทรดคริปโตเคอร์เรนซี่ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ Binance และ Bitkub มาแชร์กันว่าแต่ละเจ้ามีความเป็นมาอย่างไร และมีอะไรน่าสนใจบ้าง
8 กระดานเทรดคริปโตนอกระดับโลกที่น่าติดตาม
ที่เราจะแชร์ในบทความนี้ไม่ใช่ว่าเราจะแนะนำให้ไปลองใช้ แต่หากคุณเป็นสายเทรดสกุลเงินดิจิตอลก็ควรเปิดมุมมองทำความรู้จักกระดานเทรดใหม่ๆ ไว้ด้วย
ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์ม เราจะดูรีวิวจากผู้ใช้จริงบน g2.com เพื่อให้ได้เห็นภาพว่าผู้ใช้อื่นๆ มีความคิดเห็นอย่างไร
1. FTX
แม้เป็นน้องใหม่ที่พึ่งเปิดตัวในปี 2019 แต่ก็จัดว่ามีความปลอดภัยและได้รับความนิยมจากนักเทรดสูงมาก ไม่ได้เน้นแค่อนุพันธุ์ที่ทำ Volume ได้เฉลี่ยวันละ 1 หมื่นล้าน USD เท่านั้น แต่ยังอัดแน่นไปด้วยผลิตภัณฑ์อื่นอีกเยอะมาก รวมไปถึง NFT และชำระเงินได้หลายช่องทางอีกด้วย
FTX ยังไม่มีผู้ใช้รีวิวบน g2.com ซึ่งหากลองพิจารณาจากภาพรวม จุดเด่นของ FTX คือมี Liquidity ที่สูง ในขณะที่จุดอ่อนของแพลตฟอร์มคือการที่ยังไม่มีระบบ Live Chat ในการช่วยเหลือลูกค้า
2. Coinbase
กระดานเทรนด์คริปโต Coinbase ก่อตั้งในปี 2012 เปิดให้บริการทั่วโลกกว่า 100 ประเทศ ค่าธรรมเนียมโอนเงินผ่านธนาคารเริ่มต้นเพียง 1.49% ใช้งานง่าย มีสภาพคล่องสูง ที่สำคัญยังทำ IPO เพื่อเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ เจ้าแรกในฐานะของกระดานเทรดคริปโตอีกต่างหาก
Coinbase ได้คะแนนรีวิว 3.8/5 จาก 97 รีวิว โดยผู้ใช้ส่วนใหญ่มองว่าใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และมีความปลอดภัย แต่บางคนก็บอกว่าถ้าบัญชีโดนแฮกยังไงก็ไม่รอดอยู่ดี
3. KuCoin
แพลตฟอร์มเทรดคริปโตจากสิงคโปร์แต่มีการสนับสนุนโดยกลุ่มทุนฮ่องกง เริ่มเปิดให้บริการในปี 2017 จัดเป็นแพลตฟอร์มที่มีตัวเลือกในการเทรดให้กับนักลงทุนเยอะมากไม่แพ้ใคร แถมยังมีการลิสต์เอาเหรียญอัปเดตใหม่ล่าสุดมาให้ได้เทรดทำกำไรก่อนใครอีกต่างหาก
KuCoin ได้คะแนนรีวิว 2.6/5 จาก 27 รีวิว ผู้ใช้บางส่วนชอบที่แพลตฟอร์มที่เหรียญใหม่ๆ ที่แพลตฟอร์มอื่นยังไม่มีมาให้เทรด ในขณะที่ผู้ใช้บางส่วนเจอประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีกับแพลตฟอร์ม เช่น มีการปิด Maintenance เป็นสัปดาห์โดยไม่แจ้งล่วงหน้า หรือมีการ Delist เหรียญออกจากระบบโดยไม่แจ้งก่อน
4. Gemini
เปิดตัวเมื่อปี 2015 โดดเด่นด้วยความสะดวกของการซื้อขายแบบ Fiat to Crypto ไม่ต่างจากการใช้เหรียญคริปโตซื้อเอง ค่าธรรมเนียมโดยทั่วไปต่ำกว่าเจ้าอื่น แถมยังสอดคล้องกับกฎหมายการเทรดและป้องกันการฟอกเงินของสหรัฐฯ จึงสบายใจได้แน่นอน
Gemini ได้คะแนนรีวิว 3.4/5 จาก 4 รีวิว โดยข้อมูลจาก investopedia ระบุว่า Gemini ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีความปลอดภัยสูง มีประกัน Hot Wallet อย่างไรก็ตาม ค่า Fee ของ Gemini จะสูงกว่าแพลตฟอร์มอื่น
5. Bittrex
อีกตัวเลือกที่มีบริษัทแม่อยู่ในสหรัฐฯ จุดเด่นสำคัญคือ มีสกุลเงินให้ทำการซื้อ-ขายมากกว่า 190 คู่เทรด แถมเปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2014 ได้รับความนิยมจากบรรดานักเทรดหลายปรเทศอย่างมากทีเดียว โดย Bittrex ได้คะแนนรีวิว 3.7/5 จาก 21 รีวิว ส่วนใหญ่แล้วมองว่าแพลตฟอร์มนี้ก็โอเคในหลายๆ ด้าน เช่น มี Trade Volume และความหลากหลายของเหรียญที่โอเค แต่ช่วงหลังๆ มามีรีวิวเชิงลบเกี่ยวกับด้าน Customer Support อยู่บ้าง เช่น แก้ปัญหาช้า ตอบช้า
6. Kraken
Kraken ถือเป็นอีกหนึ่งกระดานเทรดคริปโตใหญ่สุดในโลก หนึ่งในกระดานที่เก่าแก่มาก เปิดมาตั้งแต่ปี 2011 เปิดให้บริการในหลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรปกับเอเชีย ค่าธรรมเนียมแตกต่างกันตามประเภทการฝาก โดย Kraken ได้รับคะแนนรีวิว 3.9/5 จาก 16 รีวิว
จุดเด่นของ Kraken คือ ใช้งานง่าย มี Liauidity สูง และยังมีเหรียญให้เทรดกว่า 120 เหรียญ อย่างไรก็ตาม จุดที่มีผู้ใช้ยังไม่ค่อยพอใจคือการที่มีค่า Fee ค่อนข้างสูงเว้นแต่ใช้บริการ Kraken Pro
7. Bitfinex
เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2012 ล่าสุดไม่ใช่แค่การเทรดคริปโตแต่ยังก้าวเข้าสู่โลกลงทุนอย่างเต็มตัวด้วยการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Bitfinex Securities ซึ่งบริษัทขนาดกลางและรายย่อยลงทุนในหุ้น พันธบัตร กองทุน Token ต่างๆ ได้ รวมถึงผู้ใช้งานทั่วไปก็ลงทุนพร้อมซื้อขายหลักทรัพย์ผ่าน Token ได้ด้วย
Bitfinex ได้คะแนนรีวิว 3.8/5 จาก 15 รีวิว มีจุดเด่นคือค่า Fee ที่ต่ำ และใช้งานง่ายสำหรับมือใหม่ ในขณะเดียวกัน ตัวแพลตฟอร์มเคยโดนแฮกไป 2 ครั้ง (thebalance)
8. Bitstamp
ปิดท้ายที่กระดานเทรดคริปโตซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 2011 แม้รองรับสกุลเงินไม่มาก แต่ทุกสกุลเงินการันตีความน่าเชื่อถือ แถมยังมีบริการทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ปริมาณการซื้อ-ขาย แต่ภาพรวมก็จัดว่าน่าลองใช้ไม่แพ้กัน
Bitstamp ได้รับคะแนนรีวิว 3.8/5 โดยผู้ใช้มองว่าทางแพลตฟอร์มมีความปลอดภัย และมีบริการ Customer Support ที่ค่อนข้างดี
ก่อนจบบทความนี้อยากฝากไว้ว่าบัญชีผู้ใช้บนทุกแพลตฟอร์มมีโอกาสโดนแฮกได้ถ้าเราดูแลเรื่องความปลอดภัยไม่ดีพอ และในส่วนของตัวแพลตฟอร์มเองก็มีโอกาสโดนแฮกได้เช่นกันถ้าไม่มีระบบดูแลเรื่องความปลอดภัยที่เข้มแข็งพอ เช่น เหตุการณ์แพลตฟอร์มญี่ปุ่นอย่าง Liquid โดนแฮก ซึ่งเชื่อว่าทางแพลตฟอร์มก็ได้มีการแก้ไขแหละ ดังนั้นเวลาจะเลือกใช้งาน กระดานเทรดคริปโต แพลตฟอร์มไหน ก็อาจต้องพิจารณาเรื่องความเอาใจใส่ของทางแพลตฟอร์มเองด้วยว่าเมื่อเกิดวิกฤตขึ้นมาทางแพลตฟอร์มมีการรับมือและแก้ไขอย่างไร รวมถึงเรื่อง Customer Support ด้วยเช่นกัน
สำหรับหน่วยงานรัฐฯ ประเทศไทยเองได้มีความตื่นตัวด้านสกุลเงินดิจิทัลพอสมควร โดยตอนนี้ บาทคอยน์ หรือ Baht Coin สกุลเงินดิจิทัลที่จะออกโดยรัฐบาลและน่าจะเปิดให้ใช้เร็วๆ นี้
