3 โปรแกรมประชุมออนไลน์ยอดนิยม นอกเหนือจาก Zoom พร้อมเทียบข้อดีข้อเสีย

ในยุคที่สถานการณ์โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนัก การทำงานออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมาก โปรแกรมประชุมออนไลน์ จึงมีความสำคัญเพื่อให้ธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าโปรแกรมเหล่านี้มีแค่เฉพาะ Zoom อย่างเดียว แต่ความจริงคือยังมีโปรแกรมคล้าย Zoom ที่น่าใช้งานอีกมากมาย ที่เราพอจะคุ้นเคยกันก็มี Google Meet ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีมากกว่า 2 โปรแกรมนี้
วันนี้ ThaiSharp ขอพามาทำความรู้จักกับ 3 โปรแกรม Meeting อย่างอื่นนอกเหนือจาก Zoom กับ Google Meet พร้อมข้อดี ข้อเสียกันเลย
เทียบข้อดีข้อเสียของ 3 โปรแกรม Online Meeting หรือ โปรแกรมประชุมออนไลน์
1. โปรแกรม Airmeet
เริ่มต้นด้วย โปรแกรมประชุมออนไลน์ ที่นิยมใช้สำหรับการจัดกิจกรรมเสมือนจริง ติดตั้งง่าย มีระบบ Support คุณภาพสูง เป้าหมายหลักของโปรแกรมนี้ไม่ใช่แค่ประชุมเหมือนนั่งอยู่ในห้องเดียวกันจริง ๆ เท่านั้น แต่ยังเหมาะกับการประชุมแบบเฉพาะหรือประชุมลับด้วย ในตัวเลือกฟรีเชิญผู้เข้าร่วมได้สูงสุด 100 คน และทุกแผนใช้งานจะมี Lounge Social เพื่อคนที่เข้ามารอจะได้พูดคุยสังสรรค์ก่อนประชุมด้วย
โดย Feature หลักๆ ประกอบไปด้วย Reception, Sessions, Lounge และ Booth (การจัด Virtual Event)

ข้อดีของ Airmeet
- เหมาะกับการจัดกิจกรรมเสมือนจริง เช่น คอนเสิร์ต ที่คิดค่าเข้าชม
- ผู้เข้าร่วมประชุมมีส่วนร่วมเยอะมากหากเทียบกับโปรแกรมอื่นผ่าน Lounge Social
- ไม่ต้องดาวน์โหลด ใช้ได้กับทุกเบราว์เซอร์
ข้อเสียของ Airmeet
- ถ้าประชุมทั่วไปในธุรกิจอาจไม่ค่อยเหมาะนัก
- กรณีเลือก Pro Plan จะไม่มีการบันทึกข้อมูลระหว่างประชุมลงเครื่อง มีเฉพาะบนเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น
2. โปรแกรมประชุมออนไลน์ ของ Microsoft Teams
เป็นโปรแกรม Meeting จาก Microsoft เหมาะกับธุรกิจที่มีทีมงานอยู่ห่างไกลกันมาก ๆ อัดแน่นไปด้วยเครื่องมือเพื่อจัดการโปรเจกต์, การสื่อสาร และอื่น ๆ เพียงเข้าประชุมที่นี่ก็ทำงานได้แบบครบวงจรทั้งการจดเอกสาร, สร้างชิ้นงาน, ติดตามกิจกรรม, เรียกประชุม เข้าร่วมประชุมผ่านมือถือได้สูงสุด 100 คน สำหรับ แพ็กเกจ Free

ข้อดีของ Microsoft Teams
- แพ็กเกจ Free รองรับผู้เข้าร่วมประชุมสูงสุด 100 คน
- ใช้ระยะเวลาประชุมสูงสุดได้ 60 นาที / ครั้ง
- คุณภาพการโทรระดับ HD
- มีความครบวงจรสำหรับการทำงานผ่านระยะไกล
ข้อเสียของ Microsoft Teams
- ด้วยความครบวงจรจึงอาจสร้างความสับสนให้ผู้ใช้งานบางคน
- เน้นการประชุมแบบทีมมากกว่าการประชุมครั้งเดียวแล้วจบงาน
3. โปรแกรม Facebook Messenger Rooms
ปิดท้ายด้วยโปรแกรมคล้าย Zoom แต่ใช้งานง่ายมากผ่าน Facebook เป็นระบบใหม่ล่าสุดที่พึ่งถูกนำมาใช้งาน การันตีว่าเสียงดังกระหึ่มสะใจ รองรับการประชุมได้สูงสุด 50 คน กำหนดตารางเวลาในการประชุมตามเหมาะสม ระบุรายชื่อผู้ที่เข้าร่วมประชุมไม่ว่าจะเป็นเพื่อนใน Facebook หรือไม่ก็ตาม อีกโปรแกรมที่สะดวกสุด ๆ ไปเลย
ข้อดีของ Facebook Messenger Rooms
- ใช้งานฟรี
- คุณภาพการประชุมจัดว่าดีมาก
- ไม่จำกัดเวลาการประชุม
- หากผู้ร่วมประชุมเป็นเพื่อนกันใน Facebook ก็เรียกประชุมได้เลย
ข้อดีของ Facebook Messenger Rooms
- ผู้เข้าร่วมสูงสุดเพียง 50 คน
- มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัวเนื่องจากขึ้นชื่อว่า Facebook
- ไม่ได้มีฟังก์ชันชั้นสูงใด ๆ พิเศษมาก
ด้วยเทรนด์เทคโนโลยีหลังโควิดและการทำงานยุคนี้ที่เปลี่ยนไปมาก เราไม่สามารถทำงานโดยการเจอหน้ากันได้บ่อยๆ ได้เหมือนเดิม โปรแกรม Meeting เหล่านี้จึงนับเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากจริงๆ ยังมีโปรแกรมคล้าย Zoom สำหรับการประชุมทางไกลอีกเยอะ โดยแต่ละโปรแกรมก็จะมีความแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้สำหรับประชุมทั่วไป ประชุมขนาดใหญ่ จัดบูธแสดงสินค้าออนไลน์ ไปจนถึง Entertainment ซึ่งก็สามารถเลือกใช้ได้ตามจุดประสงค์ของการประชุม